การปลดปล่อย อารมณ์ความรู้สึกทางกายภาพ เป็นกระบวนการหนึ่งของวิธีการรักษาโรค ที่ได้ออกแบบไว้เพื่อใช้กำจัดผลกระทบที่ยังคงค้างอยู่ ของการบาดเจ็บในอดีตและประสบการณ์ที่เป็นทางลบ ออกจากร่างกายและจิตใจของคุณ ที่เรียกกันว่า "เอเนอร์ยี ซิสท์" (ถุงของพลัง) ระหว่างช่วงเวลาที่ทำการรักษา เมื่อมีการปลดปล่อย เอเนอร์ยี ซิสท์ บ่อยครั้งที่ผลออกมา เป็นการได้รับประสบการณ์ซ้ำอีกของความเจ็บปวด ความกลัว ความทรมาน ความโกรธ ความขุ่นเคือง และอื่นๆ ที่เคยได้รับมาแล้วในเหตุการณ์ต้นเรื่อง การได้รับ ประสบการณ์ด้านที่เป็นแง่ลบของการบาดเจ็บตอนเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งนั้น เป็นสัญญาณที่ดีมาก ว่าการรักษานั้น ได้ปลดปล่อยอย่างน้อยก็ได้ส่วนหนึ่ง ถ้ายังไม่ได้ทั้งหมดของปัญหาที่ได้จดจำไว้ เมื่อเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ขึ้น คุณไม่ควรที่จะพยายามเก็บกดความเจ็บปวด และอารมณ์ความรู้สึกนั้นไว้ คุณควรใช้สมาธิแน่วแน่ที่ความทรงจำและพยายามนึกทบทวนให้ได้เรื่องราวทั้งหมดอย่างเต็มที่ ให้มากที่สุดที่จะทำได้ เมื่อใดที่คุณสามารถระลึกจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ชัดเจน เมื่อนั้นเราก็จะสามารถลบทิ้ง สิ่งที่เคยได้รับอันเป็นตัวทำลายในทางลบ และปรับเปลี่ยนมันให้เป็นพลังในทางบวก การปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกทางกายภาพมิได้เป็นประสบการณ์ที่น่ายินดีเสมอไป แต่ผลที่ได้นั้น คุ้มค่าต่อความพยายามที่ต้องใช้ในการทำกระบวนการนั้นให้สำเร็จ
แรงทางกายภาพที่ได้ถูกนำใส่ไว้ในร่างกายของคุณ ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บนั้น ร่างกายของคุณ อาจรับมือกับมัน ด้วยวิธีหนึ่งวิธีใดในสองวิธีต่อไปนี้
1.) ร่างกายของคุณอาจเริ่มทำการขับไล่พลังเหล่านี้ออกไปในทันที และตามมาด้วยกระบวนการรักษาตามธรรมชาติ
2.) พลังทางกายภาพ ที่จู่โจมเข้าสู่ร่างกายของคุณ อาจถูกเก็บรักษาไว้แทนที่จะถูกขับไล
่
ถ้าหากพลังเหล่านี้ ถูกเก็บไว้ ร่างกายของคุณต้องปรับตัวเองให้เข้ากับ กำลังผิดปกติทางกายภาพที่เข้ามาฝังตัวอยู่นี้ การปรับตัวที่สนองตอบ ก็เพื่อโดดเดี่ยว หรือ "สร้างกำแพงกัน" กำลังที่ผิดปกตินั้น ดังนั้นจึงเป็นการจัดรูป "เอเนอร์ยี ซิสท์" แบบหนึ่งขึ้น เอเนอร์ยี ซิสท์ นี้แสดงเป็นพื้นที่เฉพาะถิ่นที่เกิดมีกิจกรรมอนุภาคเพิ่มขึ้น ที่เป็นคล้ายๆกับ เอ็นโทรพี ที่เพิ่มขึ้น ด้วยวิธีนี้ เราหมายถึงว่า ไอออนและโมเลกุล ต่างเคลื่อนที่ไปอย่างไม่เป็นระเบียบและวุ่นไปหมด ดังนั้นมันจึงไม่อาจทำงานที่เคยทำและรับใช้ร่างกายทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถานการณ์ที่อนุภาคทำกิจกรรมอย่างไม่เป็นระเบียบเฉพาะที่อย่างนี้ หรือมีการจัดรูปของ เอเนอร์ยี ซิสท์ เกิดขึ้นในร่างกายของคุณ ทำให้เกิดความจำเป็น ที่ต้องทำการปรับตัวเพื่อที่จะคง "ธุรกิจของร่างกาย" เช่น การกิน นอน เดิน และอื่นๆ ให้สามารถทำได้ตามปกติ เราเรียก เอเนอร์ยี ซิสท์ นี้ว่าเป็นพื้นที่ของการทำหน้าที่ผิดปกติ พลังงานธรรมดาในร่างกายต้องเดินทางอ้อม เอเนอร์ยี ซิสท์ พื้นที่ที่มีการทำหน้าที่ผิดปกตินี้ จะไม่ให้ความร่วมมือกับเนื้อเยื่อที่เป็นปกติและแข็งแรงและการเคลื่อนที่ของของเหลว ที่จริงนั้น เอเนอร์ยี ซิสท์ เป็นตัวขัดขวางการทำหน้าที่ตามปกติของร่างกาย
ร่างกายที่มีสุขภาพดีตามสมควร สามารถปรับได้และทำงานโดยเลี่ยงอ้อมผ่าน เอเนอร์ยี ซิสท์ เหล่านี้ไป อย่างไรก็ดี ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นในการปรับตัว เพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ของมันได้ในพื้นที่เหล่านี้ ที่กิจกรรมอันไม่เป็นระเบียบและไม่ให้ความร่วมมือเกิดแทรกเข้ามาเมื่อหลายปีผ่านไปและพลังงานที่ต้องใช้เพิ่มขึ้นเพื่อการปรับตัวหมดสิ้นลง แนวทางการปรับตัวของร่างกายจะเริ่มสูญเสียบางส่วนของความมีประสิทธิภาพของมัน อาการต่างๆและการทำหน้าที่ผิดปกติ เริ่มปรากฏ ที่ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่ยากมากขึ้นและมากขึ้นที่จะ ทำเป็นไม่สนใจและกดเก็บไว้
ปัจจัยทรงพลังมากที่สุดในการพิจารณาว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดรูป เอเนอร์ยี ซิสท์ ขึ้นนั้น ก็คือสถานภาพทางอารมณ์ของคุณขณะที่เกิดการบาดเจ็บ เมื่อความรู้สึกทางลบที่มีพลังมากครอบงำคุณอยู่ในเวลาที่ แรงจากภายนอกที่ทำให้บาดเจ็บเข้าจู่โจม เป็นไปได้ว่าแรงเหล่านี้อาจจะถูกกักเก็บไว้และส่งผลให้เกิด เอเนอร์ยี ซิสท์ขึ้น เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าผู้คนเหล่านั้น ที่ได้กักเก็บผลกระทบของการบาดเจ็บและอุบัติเหตุ เป็นผู้คนชุดเดียวกันเหล่านั้น ที่ซ่อนเร้น ความโกรธ ความขุ่นเคือง ความกลัว และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้น เมื่อใดที่ความรู้สึกอันเป็นทางลบเหล่านี้ถูกค้นพบ และได้รับการปลดปล่อย การทำหน้าที่ผิดปกติของร่างกายพร้อมกับอาการต่างๆที่มีอยู่ ก็เป็นอิสระที่จะออกไปจากร่างกายของผู้ป่วย
เป็นสิ่งที่ได้สังเกตุเห็นแล้ว ว่าร่างกายของผู้ป่วยนั้นดูเหมือนจะมี "จิต" อยู่สองส่วน ส่วนของผู้ป่วยที่ต้องการจะรักษาสภาพที่เป็นอยู่ของตนไว้ อย่างไรก็ตาม ชีวิตยังมีอยู่และร่างกายยังทำงาน ถึงแม้ว่าการทำงานนั้นอาจไม่เพียงพอและเจ็บปวดมาก ทำไมจะต้องเสี่ยงทำการเปลี่ยนแปลง? อีกส่วนหนึ่งของผู้ป่วย ก็ดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ดีขึ้น ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องทำให้ เอเนอร์ยี ซิสท์ ลดลงไป ด้วยเหตุนั้นจะทำให้ร่างกาย หลุดพ้นจากความจำเป็นที่จะต้องปรับตัว และจากความรู้สึกเจ็บปวด
ระหว่างทำกระบวนการบำบัดโรคด้วยการปลดปล่อย อารมณ์ความรู้สึกทางกายภาพ ผู้ทำการรักษา จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการประสานกับส่วนของ คุณที่ต้องการกำจัด การจัดรูป เอเนอร์ยี ซิสท์ ที่ผิดปกติในการจะทำเช่นนี้ ผู้ทำการรักษา จะเร่งเร้า ส่วนที่เป็นแง่บวกของร่างกาย-จิตใจ และลดทอน ส่วนที่เป็นแง่ลบ ผู้ให้การรักษาจะช่วยคุณทำการขับไล่ เอเนอร์ยี ซิสท์ ออกจากร่างกายของคุณ ด้วยการ ช่วยให้ร่างกายของคุณระลึกได้ถึงการบาดเจ็บ และทำให้ความกดเก็บนั้นยุติลง
การอำนวยความสะดวกนี้ ทำให้สำเร็จได้ด้วยการสัมผัสตัวคุณ ปรับเข้าไปที่สิ่งที่ร่างกายทางบวกของคุณต้องการทำ และช่วยในการทำกระบวนการนี้ ผลที่มักออกมาก็คือร่างกายของคุณจะกลับเข้าสู่ตำแหน่งที่เคยเป็นอยู่ เมื่อตอนที่แรงที่ทำให้บาดเจ็บจากภายนอก จู่โจมเข้าใส่ ขณะที่สิ่งนี้เกิดขึ้น ผู้ให้การรักษาสามารถรู้สึกได้ว่าเนื้อเยื่อของร่างกายของคุณเริ่มผ่อนคลาย ขณะที่ เอเนอร์ยี ซิสท์ ถูกขับออก ผู้ให้การรักษายังสามารถรู้สึกได้อีกด้วยว่า มีความร้อนกระจายออกจากบริเวณต่างๆที่ได้เก็บกักแรงแห่งการบาดเจ็บไว้ และบ่อยครั้งที่รู้สึกได้ว่าแรงนั้นกำลังออกไปจากร่างกายของคุณตามแนวเส้นทางเดียวกับที่มันได้เข้าไป
ถึงตอนนี้ คุณคงเดาได้แล้วว่า กระบวนการ ปลดปล่อย อารมณ์ความรู้สึกทางกายภาพ ต้องใช้ความรู้สึกที่อ่อนไหวอย่างที่สุด ในส่วนของผู้ให้การรักษา และทัศนคติของความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นในส่วนของผู้ป่วย เป็นประสบการณ์ที่ลึกลับน่าฉงนอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย เป็นการยากยิ่งที่จะบรรยายเป็นคำพูด แต่ทันทีที่ได้รับประสบการณ์ของการปลดปล่อย เอเนอร์ยี ซิสท์ ก็จะเป็นที่เข้าใจได้อย่างชัดแจ้ง โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายเป็นคำพูดอีก
แนวความคิดเรื่อง การปลดปล่อย อารมณ์ความรู้สึกทางกายภาพ ได้รับการพัฒนาตลอดระยะเวลาสามปี (1977 - 1980) ระหว่างช่วงที่ ดร. ซวี คาร์นิ และ ดร. จอห์น อี อัพเล็ดเจอร์ ทำงานร่วมกันเป็นนักวิจัย ในแผนก ไบโอเมแคนิกส์ (ชีวกลศาสตร์) ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท ดร. อัพเล็ดเจอร์ เป็นสมาชิกผู้ได้รับการรับรองของ อเมริกัน อคาเดมี ด้านโรคกระดูก เป็นสมาชิกวิทยาการของสมาคมโรคกระดูกแห่งบริติช และได้ปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ ด้านการแพทย์ทางเลือก ดร. คาร์นี ผู้ได้รับปริญญาเอกทั้งทางวิศวกรรมชีวภาพ และชีวฟิสิกส์ ขณะนั้นเป็นศาสตราจารย์รับเชิญจากการลาพักจากงาน ในตำแหน่งประธานของคณะวิศวกรรมชีวภาพ ที่สถาบัน เทคนิออน ที่ไฮฟา ประเทศอิสราเอล
ภาระกิจการวิจัยร่วมของพวกเขา เป็นการสำรวจเข้าในพื้นที่ต่างๆที่เป็นไปได้ ในสาขาของการแพทย์ ชีววิทยา ฟิสิกส์ และวิศวกรรม อาจเข้ามาร่วมกันได้เพื่อรับใช้มนุษยชาติให้ดียิ่งขึ้น